โครงการการอบรมเชิงปฏิบัติการ
นักข่าวพิราบน้อยรุ่นที่ 21 ประจำปี 2561 ซึ่งจัดที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 1-4 พฤศจิกายน 2561
โดยเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน
พิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการนักข่าว
“พิราบน้อยรุ่นที่ 21”
เมื่อวันที่
1 พ.ย. 61 ผู้ที่ผ่านโครงการทุกคนได้เข้าร่วมพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการนักข่าว
“พิราบน้อยรุ่นที่ 21” ณ ทรู ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ ในช่วงเช้ามีการลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 7.30 น. พร้อมรับป้ายชื่อนักข่าวพิราบน้อย
และได้มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 สี ได้แก่ สีแดง สีชมพู สีส้ม สีฟ้า และสีน้ำเงิน โดยแต่ละกลุ่มจะมีพี่เลี้ยง 1 คน ซึ่งเป็นนักข่าวจริงค่อยให้คำแนะนำ แล้วเข้ารับฟังการบรรยายข้อมูลรายละเอียดของโครงการ
“นักข่าวพิราบน้อย”
หลังจากฟังบรรยายและร่วมถ่ายภาพเรียบร้อย
ก็ได้ขึ้นรถบัสที่หน้าตึกทรู ทาวเวอร์ จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม. ไปยังพักที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยโรงแรมนั้นติดกับแม่น้ำ
เมื่อไปถึงไม่ได้เข้าที่พักโดยทันที แต่ไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ทางโรงแรมเตรียมไว้
ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง แล้วเข้าอบรมนักข่าวพิราบน้อยอย่างเต็มรูปแบบ
ให้ความรู้ในเรื่องของการทำข่าว ทบทวนพื้นฐานของนักข่าว เล่าถึงการทำงานในความเป็นจริงของนักข่าวว่ามีการทำงาน
และกดดันแค่ไหน นอกจากนี้ยังมีการเล่นจับบัดดี้ กิจกรรมสันทนาการ ให้คะแนนสันทนาการ
อาทิ การตรงต่อเวลา มาพร้อมเพียงกัน

ในการอบรมนี้ได้มีการจำลองเหตุการณ์ที่ผู้เข้าอบรมไม่ได้ล่วงรู้มาก่อน
โดยเป็นการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม
ร้านนวดแผนไทยที่มีการค้ามนุษย์อยู่เบื้องหลัง
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะฝึกผู้เข้าอบรมว่าจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ
วิดีโอ หรือบทสัมภาษณ์ หลังจากนั้นก็ให้ทุกกลุ่มนำเหตุการณ์นั้นมาพาดหัวข่าว
และพาดหัวรอง จากนั้นก็มีการคอมเม้นต์ไปที่ละกลุ่ม พร้อมแนะวิธีการเลือกรูปและวิดีโอมาประกอบข่าว
รวมถึงคำถามในการสัมภาษณ์ว่าควรถามหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่
ช่วงเย็นให้แต่ละกลุ่มเลือก บก. แบ่งหน้าที่ภายในกลุ่ม
และคิดประเด็นข่าวเกี่ยวกับอยุธยา 3 ประเด็น นอกจากนี้ยังสอนการคิดประเด็นโดยแต่ละประเด็นต้องเชื่อมโยงกันหรือเป็นเรื่องเดียวกัน
หาจุดบอดของข่าวที่ยังไม่มีการเล่าถึงให้นำจุดนั้นมาเป็นประเด็น รู้จักสังเกต
ตั้งสมมุติฐานจากข่าว ภาพที่ใช้ประกอบข่าวควรเป็นอย่างไร
การทำข่าวควรมีข้อมูล
หรือหาข้อมูลของข่าวนั้นมาก่อน หาจุดบอดของข่าวที่ยังไม่มีใครกล่าวถึง
สามารถเอามาเป็นประเด็นข่าวได้ การกำหนดแหล่งข่าวอย่างน้อยต้อง 2 แหล่งข่าวขึ้นไป
จากนั้นก็มอบโจทย์ที่ทุกกลุ่มต้องทำส่ง
- ข่าวบรรยายที่ทรู
1 ชิ้น
- ข่าว 2 ชิ้น ต้องเชื่อมโยงกันทุกข่าว (ลงพื้นที่ 2 ชิ้น //
ข่าวต่อยอดจากลงพื้นที่ 2 ชิ้น)
- สกู๊ปข่าวลงเสียง
1 ชิ้น (มีเปิดหน้า) ความยาว 3-5 นาที (เป็นเรื่องเดียวกับข่าว
4 ชิ้น)
- ทวิตข่าวระหว่างลงพื้นที่
อย่างน้อย 10 ทวิต (ทำให้เสร็จระหว่างลงพื้นที่)
- อัดคลิปรายงานข่าวคล้าย
Facebook live รายงานจากสถานที่จริง ความยาว 5-10 นาที
ลงพื้นที่ทำข่าวในสนามจริง
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 61 ก่อนลงพื้นที่ทำข่าวในสนามจริง ได้มีการอบรมเพิ่มเติมในช่วงเช้าของการทำข่าว อธิบายถึงการใช้ภาพข่าว ภาพข่าวที่ดีเป็นอย่างไร
การเลือกภาพใช้ทำข่าวต้องดึงดูด ถึงใจผู้คน ภาพที่สามารถเล่าเรื่องได้ชัดเจน
ภาพกับเนื้อหาข่าวต้องสอดคล้องกัน
ทั้งนี้ก็ให้เวลา 6 ชม.ในการลงพื้นที่ทำข่าวทุกกลุ่มเท่ากัน โดยกลุ่มสีน้ำเงินทำเกี่ยวกับตลิ่งทรุดที่
ต.วังแดง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยาลงไปดูถึงความเสียหาย พร้อมไปสัมภาษณ์ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ จากนั้นเดินทางไปสัมภาษณ์หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.พระนครศรีอยุธยาเกี่ยวกับตลิ่งทรุด
จากนั้นเดินทางกลับมายังห้องประชุมของโรงแรม
ให้แต่ละกลุ่มนำข่าวที่ไปลงพื้นมาวางแผนทำข่าว พาดหัวข่าว เขียนข่าว และยังมีกิจกรรมสันทนาการเพื่อคลายความเครียด
ความกดดัน
เวลา 22.00 น. ให้แต่ละกลุ่มได้พักผ่อน
แต่สีน้ำเงินก็ปัญหาตามมาคือ การที่คิดประเด็นอีก 3 ประเด็น
ไม่ได้ และภายในกลุ่มไม่ค่อยพูดคุยกัน แสดงความคิดเห็นออกมา คิดใครคิดมัน เกิดความตรึงเครียดภายในกลุ่ม
จนพี่เลี้ยงต้องเข้ามาพูดคุย สถานการณ์ก็ดีขึ้น แต่ก็ยังคิดประเด็นไม่ได้จนถึงเวลา
03.00 น. จึงได้แยกย้ายไปพักผ่อน
สถานการณ์ที่ตรึงเครียด
เข้าสู่วันที่สาม เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 61 เป็นอีกวันในการลงพื้นที่สำหรับกลุ่มที่ยังทำไม่เสร็จ และอยากจะไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ในครั้งนี้ให้เวลา 3 ชม. และแบ่งหน้าที่ว่าใครลงพื้นที่ ใครจะเขียนข่าวรอที่โรงแรม กลุ่มสีน้ำเงินลงพื้นที่ 5 คน รอที่โรงแรม 4 คน
ทั้งนี้ปัญหาที่ทุกกลุ่มเจอคือเขียนข่าวส่งไม่ทัน ทำให้พี่ๆนั้นเสียความรู้สึก ที่แต่ละกลุ่มทำงานล้าช้าไม่ตั้งใจ รีบทำข่าว และบอกว่าไม่ต้องส่งข่าว ขึ้นไปเก็บกระเป๋าแล้วกลับบ้าน ณ ตอนนั้นเป็นเวลา 20.00 น. สถานการณ์นั้นตรึงเครียดและอึดอัด ทุกกลุ่มนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จึงได้มีการถามปัญหาของแต่ละกลุ่มทำไมถึงส่งข่าวทัน จากนั้นก็ให้เวลา 30 นาที ข่าวทุกชิ้นต้องเสร็จและส่งให้ทัน ถ้าครั้งนี้ส่งไม่ทัน ก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านในทันที
จากนั้นทุกกลุ่มจึงเร่งรีบทำเพื่อที่จะส่งให้ทันเวลา มาถึงช่วงใกล้หมดเวลา สีน้ำเงินก็เจอปัญหา โน๊ตบุ๊คที่ใช้ตัดต่อสกู๊ปข่าวดับกะทันหัน ซึ่งตัดต่อยังไม่เสร็จจึงรีบแก้ปัญหาให้กลุ่มอื่นมาช่วย แต่ก็ใช้เวลานาน เมื่อแก้ปัญหาได้ ในสกู๊ปข่าวไม่มีเสียงจึงต้องไปทั้งแบบนั้น มาที่เขียนข่าวลงเพจคือ เน็ตช้าทำให้การลงข่าวมีปัญหา ได้ส่งข่าวในวินาทีสุดท้าย สุดท้ายทุกกลุ่มก็ส่งข่าวทัน ทำให้ไม่ต้องกลับบ้าน
หลังจากนั้นก็งานเลี้ยงสังสรรค์ และแลกของกับบัดดี้ การแสดงจากแต่ละกลุ่ม ปิดท้ายด้วยการร้องเพลงคาราโอเกะ
พิธีปิดโครงการการ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561 มีพิธีปิดโครงการการอบรมเชิงปฏิบัติการ “นักข่าวพิราบน้อยรุ่นที่ 21” ประจำปี 2561

วันสุดท้ายที่อยู่ในค่าย ได้มีพิธีมอบรางวัลสันทนาการ
รางวัลข่าว ภาพข่าว คลิปข่าว และมอบรางวัลให้กับนักศึกษาที่ส่งเรียงความในหัวข้อ
“สื่อมวลชนแบบไหนที่สังคมต้องการ”
นางวิภาดา อิศระ
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร และประชาสัมพันธ์ การตลาด บริษัท ทรู
คอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน เป็นประธานกล่าวปิดงาน โดยสรุปดังนี้ ยินดีที่ได้ให้การสนับสนุนค่ายพิราบน้อยมา21
ปีแล้ว และยินดีที่จะให้การสนับสนุนต่อไป หวังว่าน้องๆที่ผ่านการอบรมที่เป็นพิราบน้อยในวันนี้
จะเป็นพิราบใหญ่ที่มีคุณภาพให้กับวงการสื่อมวลชนต่อไป
โดยพี่เบล บุศรินทร์ วรสมิทธิ์ ประธานค่ายพิราบน้อยครั้งที่ 21
ได้กล่าวปิดค่ายพิราบน้อยโดยมีใจความสำคัญโดยสรุปได้ว่า“อยากให้น้องๆนักศึกษาจำบรรยากาศค่ายตลอด
4 วันนี้ไว้ ไม่ว่าเรียนจบแล้วจะเข้ามาเป็นนักข่าวหรือไม่ได้เป็นนักข่าว
ก็ขอให้นำสิ่งที่วิทยากรได้แนะนำไปปรับใช้ในการทำงานต่อไปในอนาคตด้วยความเป็นมืออาชีพ”
อย่างไรก็ตามนักศึกษาที่ผ่านการอบรมในโครงการพิราบน้อยรุ่นที่
21 จะต้องทำข่าวในพื้นที่ของตัวเองส่งเป็นจำนวน 2 ข่าว เพื่อเป็นการประเมินประสิทธิภาพของตัวนักศึกษาแต่ละคนภายหลังการเข้าอบรม
นอกจากนี้ ทางสมาคมนักข่าวฯได้จัดเตรียมรางวัล เป็นงินรางวัลกว่า 3,000 บาท ให้กับผู้ชนะ และยังเป็นการส่งเพื่อให้สิทธิ์โควตารุ่นน้องรุ่นที่จะเข้าร่วมอบรมพิรายน้อยปีที่
22 ต่อไปอีกด้วย